ผบช.ภ.1 เผยโฟโต้ให้การปมขัดแย้งร่วมกันทำธุรกิจสั่งนำเข้าสินค้ามาขาย ระหว่างหลบหนีเพื่อประวิงเวลาถูกจับ ไม่หวั่นใจแม้เป็นนักศึกษากฎหมาย ม.ดัง
ความคืบหน้าคดีที่นายไพศาล ทองอ่อน อายุ 54 ปี หนุ่มใหญ่เจ้าของห้องพักคอนโดย่านงามวงศ์วาน ถูกนายภูริณัฐ หรือ โฟโต้ กาญจนบรรยงค์ อายุ 27 ปี หนุ่มดีกรีนิติศาสตร์ ม.ดัง ก่อเหตุใช้อาวุธมีดที่เตรียมมา แทงนายไพศาลจำนวน 15 แผล
ก่อนจะหมกร่างไว้ในห้องพักพร้อมกับรื้อค้นนำทรัพย์สินผู้ตายหลบหนีไป จนกระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายภูริณัฐ ได้ที่บ้านพักหลังหนึ่งในเขตอำเภอเมืองชุมพร ก่อนจะควบคุมตัวนำกลับมาทำการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
ความคืบหน้าในคดี วันที่ 1 มิ.ย.67 เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 ได้เดินทางมายังโรงพัก สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีและสอบปากคำนายภูริณัฐ หรือ โฟโต้ ผู้ก่อเหตุด้วยตนเองโดยมี พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.ศุภชัย ศรีศักดิ์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิตผกก.สภ.เมืองนนทบุรี โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ในเวลาต่อมาหลังทำการสอบปากคำผู้ก่อเหตุแล้วิพล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พร้อมด้วยนายพรชัย กาญจนบรรยงค์ พ่อของผู้ต้องหา ได้แถลงข่าวกับผู้สื่อข่าว โดย พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ลงมือฆ่าผู้ตายนั้นเป็นเพราะเกิดความขัดแย้งในเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกันอยู่คือธุรกิจสั่งนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาขายทางออนไลน์
โดยในคืนที่เกิดเหตุในห้องพักเกิดมีปากเสียงกัน ทำให้ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดที่เตรียมมาจ้วงแทงผู้ตายจนเสียชีวิต แล้วรื้อค้นนำทรัพย์สินของผู้ตายหลบหนีไป โดยในระหว่างหลบหนีเพื่อจะมุ่งหน้าไปหาแม่ที่ จ.ชุมพร นั้น ผู้ต้องหาได้ตัดสินเปลี่ยนเส้นทางไปเรื่อยๆ เพื่อต้องการประวิงเวลาในการถูกติดตามจับกุมตัว
จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามตัวอย่างใกล้ชิดเข้ากุมได้ในระหว่างหลบหนีไปอาศัยอยู่ในบ้านพักหลังหนึ่งในอำเภอเมืองชุมพร พร้อมของกลางเป็นทองคำแท่งน้ำหนักรวม 28 บาท และบัตรประชาชนบุคคลอื่นอีกจำนวน 5 ใบ ที่คาดว่าผู้ต้องหาเตรียมไว้ใช้ในการทำธุรกรรมทางเงินแทนตัวเอง
แต่ในชั้นจับกุมผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าได้ใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียชีวิตจริง แต่ไม่มีเจตนาฆ่าเป็นการป้องกันตัว ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาจะให้การ
พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวอีกว่า แม้ผู้ต้องหารายนี้จะมีดีกรีเป็นนักศึกษานิติศาสตร์ มีความรู้ทางกฎหมายก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้หนักใจในการดำเนินคดีใดๆ กับผู้ต้องหารายนี้ เพราะแม้จะเป็นนักศึกษามีความรู้ทางกฎหมายก็ตาม แต่ไม่ได้มีอาชีพเกี่ยวกับกฎหมายโดยตรง เป็นนักธุรกิจซื้อขายสินค้าเพียงเท่านั้น และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีพยานหลักฐานชัดเจนที่สามารถเอาผิดดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ได้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหาอย่างเคร่งเครียด และจะมีการนำตัวส่งศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้