กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว รายงาน แผ่นดินไหวหลายครั้งเช้านี้ ทั้งในเมียนมาและ อ.ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน ขนาด 1.9 – 4.3 ยังไม่มีรายงานเสียหาย เฝ้าระวังต่อเนื่อง
เกิดเหตุแผ่นดินไหวหลายครั้งติดต่อกันช่วงเช้าวันที่ 28 เม.ย. 68 โดยมีจุดศูนย์กลางทั้งในประเทศเมียนมาและในเขตประเทศไทย บริเวณ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ขนาดแผ่นดินไหวที่วัดได้มีตั้งแต่ 1.9 แมกนิจูด (ที่ อ.ปางมะผ้า) จนถึงแรงสุด 4.3 แมกนิจูด (ในเมียนมา)
เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน หรือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่กรมอุตุนิยมวิทยายังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สถานการณ์แผ่นดินไหวในภูมิภาคยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเมื่อ กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานการเกิดธรณีพิบัติภัยหลายครั้งติดต่อกันในพื้นที่ประเทศเมียนมาและบริเวณใกล้เคียง รวมถึงในเขตประเทศไทย ตลอดช่วงเช้าของวันนี้ (28 เมษายน 2568) สร้างความตื่นตัวแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง
สัญญาณการสั่นไหวเริ่มตรวจจับได้ตั้งแต่หลังเที่ยงคืน เวลา 00:04 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.4 แมกนิจูด จุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศเมียนมา ที่ความลึก 10 กิโลเมตร
จากนั้นในช่วงเช้า สถานการณ์ดูจะถี่ขึ้น เริ่มจากเวลา 08:12 น. ตรวจพบแผ่นดินไหวขนาด 1.9 แมกนิจูด ที่ความลึก 5 กิโลเมตร โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ในเขตประเทศไทย บริเวณ ต.ถ้ำลอด อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน นับเป็นแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นในแผ่นดินไทยโดยตรง
ถัดมาเพียงไม่กี่นาที เวลา 08:28 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาดค่อนข้างแรง 4.3 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ที่พิกัดละติจูด 19.234°N ลองจิจูด 96.349°E ความลึก 10 กิโลเมตร นับเป็นขนาดที่รุนแรงที่สุดในระลอกนี้ แผ่นดินไหว เมียนมา 4.3 เขย่า แม่ฮ่องสอน
ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เวลา 08:32 น. และ 08:43 น. ระบบตรวจวัดยังคงจับสัญญาณแผ่นดินไหวได้อีก 2 ครั้งในประเทศเมียนมา ขนาด 2.5 และ 2.8 แมกนิจูด ตามลำดับ ที่ความลึก 10 กิโลเมตรเช่นกัน
แม้จะเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งติดต่อกัน และมีครั้งหนึ่งที่จุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศไทย แต่ ณ ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน หรือรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวระลอกดังกล่าวเข้ามาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากอาจเกิดแผ่นดินไหวตามมา (Aftershock) หรือเหตุการณ์อื่นๆ ได้ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะทางภาคเหนือ ติดตามข้อมูลข่าวสารและประกาศเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือหากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง
