ลาสิกขาแล้ว พระสำนักสงฆ์ดัง ถูกผัวเมียร้อง อ้างชะตาตัวเองขาด ให้มีเซ็กซ์สะเดาะเคราะห์ ดึงสามีร่วมวง กลายเป็นเซ็กซ์หมู่ ลูกศิษย์เชื่อโดนกลั่นแกล้ง เล่าอีกปม
วันที่ 12 มิ.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีสองสามีภรรยาร้อง เพจสายไหมต้องรอด ว่าถูกเจ้าสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ หลอกลวงให้มีเพศสัมพันธ์ อ้างว่าเป็นการต่อดวงชะตาชีวิตให้พระรูปนั้น เป็นเวลานานเกือบ 2 ปี โดยหญิงสาวบอกว่า ได้ไปปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์แห่งนี้มานาน 10 ปี ส่วนพระคู่กรณีนั้นมีอายุประมาณ 40 ปี ดูน่าเลื่อมใสและน่าศรัทธามาก
ต่อมาช่วงปลายปี 2565 พระรูปนี้บอกว่าให้ตนฝึกปฏิบัติธรรมขั้นสูง คือการละทิ้งอัตตา โดยจะต้องมีเพศสัมพันธ์กับพระรูปนี้ เพื่อให้บรรลุธรรมในเรื่องของการไม่ยึดติดตัวตน รวมถึงเพื่อเป็นการต่อดวงชะตาให้กับพระรูปนี้ด้วย
โดยพระรูปนี้อ้างว่า พลังชีวิตจะหมดเพราะก่อนหน้านี้ได้ถ่ายทอดพลังชีวิตมาให้ตนกับสามีหมดแล้ว ตนจึงต้องถ่ายทอดพลังชีวิตคืนให้กับพระรูปนี้เพื่อเป็นการตอบแทน ตอนนั้นหลงเชื่อเพราะศรัทธาและเลื่อมใสพระรูปนี้มาก จึงยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ต่อมาพระรูปนี้ได้บอกว่า ต้องเพิ่มการฝึก โดยให้สามีมีเพศสัมพันธ์กับพระรูปนี้ ซึ่งสามีก็ยอม จนสุดท้ายเป็นการมีเพศสัมพันธ์แบบเซ็กซ์หมู่ คือมีพระรูปนั้น ตน และลูกศิษย์วัดคนอื่น ๆ ด้วย
จนกระทั่งในปี 2566 ตนเริ่มเอะใจ และรู้สึกว่าถูกหลอก จึงได้ขอแยกตัวออกมา ซึ่งพระรูปดังกล่าวได้พยายามโทรศัพท์มาตามให้ตนกลับไปที่สำนักสงฆ์หลายครั้ง แต่ตนไม่ไป พระรูปนี้จึงดีดตนออกจากกลุ่มไลน์
หลังจากนั้นตนกับสามีได้มาพบหมอจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการทางจิต เนื่องจากสับสนและเครียดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนตอนนี้สภาพจิตใจดีแล้ว จึงมาขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด เพราะรู้มาว่ายังมีหญิงรายอื่นที่เป็นลูกศิษย์พระรูปนี้โดนกระทำเหมือนตนด้วย
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว โดยมี พระอาจารย์โอ เป็นเจ้าสำนัก ตั้งอยู่ที่ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แต่ไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ เนื่องจากประตูถูกปิดไว้ มีสุนัขตัวใหญ่เฝ้าอยู่ 2 ตัว และมีป้ายติดไว้ที่ประตูว่าระวังสุนัขดุ
จากการสังเกตภายนอกพบว่า เป็นลักษณะคล้ายบ้านอาศัยทั่วไป มีโดมคล้ายกับสถานที่ประกอบพิธีอะไรบางอย่าง ด้านในเป็นต้นไม้บังมองเข้าไปไม่เห็น แต่จากการสังเกตด้านหน้าพบว่า มีรอยล้อรถยนต์ที่เพิ่งจะออกจากสถานที่ดังกล่าวไป
สอบถาม ป้าดา อายุ 56 ปี ชาวบ้านที่อยู่ข้างสำนักสงฆ์ กล่าวว่า ชาวบ้านจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวภายในสำนักสงฆ์ ส่วนมากจะเป็นญาติโยมจากต่างจังหวัดที่มาทำพิธีตามช่วงเทศกาลต่าง ๆ เช่น งานไหว้ครู วันสงกรานต์ วันปีใหม่ เป็นต้น
ป้าดา กล่าวต่อว่า และท่านจะทำวัตถุมงคลให้เช่า แต่ท่านจะไม่ออกบิณฑบาตหรือรับกิจนิมนต์ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่ท่านก็ให้การช่วยเหลือชาวบ้านมาโดยตลอด หากมีงานหรือกิจกรรมของหมู่บ้านท่านก็ให้ลูกศิษย์นำปัจจัยและสิ่งของมาช่วยเหลือ
ป้าดา กล่าวอีกว่า จากรณีที่มีข่าวว่า ท่านไปมีอะไรกับผู้หญิงนั้นตนและชาวบ้านไม่เชื่ออย่างแน่นอน เพราะจากพฤติกรรมที่เห็นท่านเป็นพระที่เคร่งมาก อัธยาศัยดี ทักทายพูดคุยกับชาวบ้านโดยตลอด ตนเชื่อว่าจะต้องเป็นการกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน
ด้าน ลุงป้อม อายุ 65 ปี ชาวบ้านในพื้นที่และเป็นคนงานที่เข้าไปดูแลสถานที่ภายในสำนักสงฆ์ กล่าวว่า ตนอยู่ที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวมา 6 ปีแล้ว โดยที่สำนักสงฆ์มีพระ 4 รูป ญาติโยม 2-3 คน รวมทั้งตนด้วย ตนจะมีหน้าที่ดูแลเก็บกวาดสถานที่ให้สะอาดเรียบร้อย รวมทั้งเป็นคนทำบายศรีให้กับลูกศิษย์ที่จะเข้ามาทำพิธีกับพระอาจารย์
ลุงป้อม กล่าวต่อว่า แต่ในช่วงทำพิธีตนไม่ได้เข้าไปดู เป็นเพียงผู้เตรียมบายศรีให้เท่านั้น สำหรับพระอาจารย์ท่านเป็นคนใจดี ชอบช่วยเหลือคน ส่วนในเรื่องที่มีคนไปร้องเรียนนั้น คาดว่าน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งและใส่ร้าย
ลุงป้อม กล่าวอีกว่า เพราะเมื่อหลายปีก่อน มีหญิงสาวคนหนึ่งมาเอาวัตถุมงคลของพระอาจารย์ไปจำหน่ายเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท แต่ไม่ได้เอาเงินมาให้พระอาจารย์ กระทั่งมีการฟ้องร้องกันจนถึงทุกวันนี้
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจของสำนักสงฆ์ดังกล่าว ได้โพสต์ภาพการลาสิกขาของพระรูปดังกล่าวแล้วที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พร้อมโพสต์ข้อความว่า
“ทางสวนธุดงค์สถาน วิหารพระมารดร ขอแจ้งข่าวให้ทราบว่า ในขณะนี้ทางสวนธุดงค์ ขอยุติการเป็นที่พักสงฆ์นับจากนี้เป็นต้นไป และทางท่านพระอาจารย์ได้ลาสิกขาต่อหน้าพระเถระ เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่คณะสงฆ์ และไม่ให้เกิดความวุ่นวาย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จึงแจ้งมายังคณะสานุศิษย์และผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ทราบโดยทั่วกัน เขาว่าเราไม่ดีก็สึกเนาะต่อจากนี้ ที่นี่คือ สำนักบารมีพุทโธรักษา และจะดำเนินงานสานฝันตามรอยคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ต่อไป ขอขอบคุณคณะศรัทธาสานุศิษย์ทุกท่านที่ได้ร่วมกันสานฝันมาตลอดครับ”
หลังจากนั้นก็ได้มีบรรดาศิษยานุศิษย์เข้ามาโพสต์แสดงความเสียใจและให้กำลังใจอดีตพระอาจารย์โอเป็นจำนวนมาก