สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีส่งหนังสือด่วนถึง “แดนธรรมสุขาววะดี” สั่งให้ “อาจารย์น้องหญิง” และคณะหยุดการรักษาด้วยคลื่นพลังบุญ หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกถึง 5 ปี ปรับ 1 แสน ขณะเจ้าตัวยังไม่เดินทางกลับ ลูกศิษย์บอกยังติดไปออกรายการทีวีที่ กทม. หมดรายการแล้วจึงจะกลับ แต่ถ้าไม่กลับมา เจ้าของที่จะขออนุญาตตั้งเป็นสำนักสงฆ์ต่อไป
จากกรณี น.ส.โสวรีร์ ทองอินทร์ อายุ 37 ปี ที่เรียกตัวเองว่า อาจารย์น้องหญิง พร้อมกับ “อาจารย์ชาย” และ “พี่โดม” ได้ก่อตั้งสำนักคลื่นพลังบุญพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เปิดรับรักษาผู้ป่วย ที่แดนธรรมสุขาววะดี บ้านโนนตาแสง หมู่ 6 ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี และต่อมาตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดอุดรธานีได้นำหมายศาลอาญามีนบุรีเข้าจับกุมอาจารย์น้องหญิง และส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สน.โคกคราม กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนประกันตัวออกไปสู้คดีนั้น
ล่าสุดวันนี้ (25 พ.ค.) มีรายงานว่าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีได้มีหนังสือด่วนที่สุด สั่งเจ้าของสถานที่ “แดนธรรมสุขาววะดี” ขอให้หยุดกิจกรรมเกี่ยวกับการรักษาโรคให้แก่ประชาชนทั่วไปนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่แดนธรรมสุขาววะดี บ้านโนนตาแสง หมู่ 6 ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว ปรากฏว่าไม่พบอาจารย์น้องหญิง อาจารย์ชาย และพี่โดม และลูกศิษย์ ภายในแดนสุขาววะดี แต่อย่างใด
ส่วนบริเวณโรงเรือนที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมการรักษาผู้ป่วย 3 โรงเรือน สภาพสิ่งของยังวางอยู่ที่เดิม ไม่ได้ปัดกวาดเช็ดถู ส่วนกุฏิซึ่งเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงคาดว่าเป็นที่พักของอาจารย์น้องหญิงและคณะถูกปิดประตูล็อกกุญแจเอาไว้ พบเพียงพระสงฆ์ 2 รูป ชาวบ้าน 2 คน กำลังช่วยกันขุดร่องระบายน้ำบริเวณหน้าแดนธรรมสุขาววะดี เพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง เนื่องจากฝนตกลงมาอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา
พระกิตติเดช บุญเต็ม อายุ 25 ปี เปิดเผยว่า ตั้งแต่อาจารย์น้องหญิง อาจารย์ชาย และพี่โดม พร้อมคณะเดินทางไปออกรายการทีวีที่กรุงเทพฯ ก็ยังไม่ได้กลับมาที่แดนธรรมสุขาววะดีเลย และอาจารย์น้องหญิงได้โทรศัพท์มาบอกว่าวันนี้มีรายการทีวีโทรศัพท์ติดต่อให้ไปออกรายการ จึงไม่ได้กลับมา ถ้าหมดรายการทีวีจึงจะกลับ
ส่วนเรื่องสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีมีหนังสือแจ้งให้หยุดการรักษานั้น พระและโยมที่นี่ยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว แต่ทางสำนักได้ใช้สกอตเทปปิดคำว่ารักษาเอาไว้แล้ว ถ้าหากอาจารย์น้องหญิง อาจารย์ชาย และพี่โดมไม่กลับมาที่นี่อีก เจ้าของที่ดินก็จะไปทำเรื่องขออนุญาตให้แดนธรรมสุขาววะดีเป็นสำนักสงฆ์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
สำหรับหนังสือของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีดังกล่าว ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 เรื่อง แจ้งให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย เรียน เจ้าของสถานที่ “แดนธรรมสุขาววะดี” มีเนื้อหาดังนี้
ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชน เกี่ยวกับการรักษาโรคทางเลือก ณ แดนธรรมสุขาววะดี โดยน้องหญิง อาจารย์ชาย และ พี่โดม เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ รักษาโรคด้วยคลื่นพลังบุญให้แก่ประชาชนทั่วไป สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีได้ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าสถานที่ และผู้ที่ทําการรักษาดังกล่าว ยังไม่มีการขึ้นทะเบียนเกี่ยวกับการรักษาโรคใดๆ
ทั้งนี้ กรณีมีการประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มาตรา 16 วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบกิจการสถานพยาบาล เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต หากฝ่าฝืนเข้าข่ายกระทําผิดตามมาตรา 57 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ อีกทั้งกรณีมีการประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 มาตรา 30 ห้ามมิให้ผู้ใดทําการประกอบโรคศิลปะ หรือกระทําด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทําการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต หากฝ่าฝืนเข้ากระทําผิดตามมาตรา 57 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ในการนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และให้เป็นไปตามกฎหมาย สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี จึงขอให้ท่านหยุดกิจกรรมเกี่ยวกับการรักษาโรคให้แก่ประชาชนทั่วไปนับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ หากท่านไม่ดําเนินการตาม จะพิจารณาดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ และดําเนินการ
และล่าสุดได้มีการแห่แชร์คลิปที่อ.น้องหญิงได้ให้สัมภาษณ์ว่าตนกับท่านพี่นั่นคือจิตวิญญาณเดียวกัน แม้จะมี2ร่างแต่เวลาอยู่ด้วยกันต้องช่วยกันเสริมพลังซึ่งกันและกัน เวลาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ขับถ่ายก็ต้องคอยแตะมือกันตลอด เพื่อให้พลังงานบุญนั่นสม่ำเสมอ แต่เจ้าตัวขอยืนยันว่าแม้จะเข้าห้องน้ำ อาบน้ำด้วยกันแต่ไม่เคยมีเรื่องลึกซึ้งเกิดขึ้นระหว่างทั้ง 2 เพราะทั้งคู่นั้นได้ละทิ้งทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง ไปทั้งหมดแล้ว