70 ยังแต๋ว ลูกชายชวนแม่เป็นนางแบบ แต่งลุคเก๋ เท่ แซ่บ สู้อัลไซเมอร์

70 ยังแต๋ว ลูกชายชวนแม่เป็นนางแบบ แต่งลุคเก๋ เท่ แซ่บ สู้อัลไซเมอร์

70 ยังแต๋ว ลูกชายชวนแม่เป็นนางแบบ แต่งลุคเก๋ เปรี้ยวแซ่บ สู้อัลไซเมอร์ เปิดใจ “นินทร์ – นรินทรกุล ณ อยุธยา” ช่างภาพสายแฟที่พาคุณแม่มาทำอะไรสนุกๆ ในวันที่เผชิญหน้ากับความเจ็บป่วย

70 ยังแต๋ว มีความหมายกับเรายังไง

ชื่อเพจมีความหมายที่ตัวเลขเลยครับ ตอนที่แม่ผมเริ่มป่วย ตอนนั้นแม่อายุ 69 ปี

ผมก็คิดว่าอายุ 69 เป็นวัยที่ไม่ได้แก่ขนาดนั้นน่ะครับ แต่ว่ามาเป็นโรค ผมก็เลยอยากให้เขาเข้าสู่วัย 70 ที่ยังมีสีสันอยู่ก็เลยเอาชื่อเขา กับเลข 70 ในวัยนั้นพอดีครับมาตั้งเป็น 70 ยังแต๋ว

ดูเหมือนผมจับแต่งตัวใช่ไหมครับ แต่จริงๆ แล้วในช่วงแรกๆ คือการนำเสื้อผ้ามาใส่เองให้ถูกต้อง ติดกระดุมให้ถูกเม็ด และของที่มีอยู่ก็อยากให้ใช้ให้ดี

ตอนแรกผมก็รู้สึกเสียดายของ และก็รู้สึกว่าของพวกนั้นเป็นของสวยๆ ทั้งนั้นเลยที่แม่สะสมมาตั้งแต่สาวๆ

ตอนแรกก็จะเป็นการบำบัดให้เขาได้รู้จักกระดุม รู้จักปกเสื้อ หรือกระทั่งการใส่กางเกง เพราะฉะนั้นเรื่องเสื้อผ้า มันไม่ใช่แค่เรื่องภายนอกแล้วครับ

แต่เป็นความเข้าใจพื้นฐานที่ได้ฝึกอยู่ทุกวันครับ กลายเป็นว่าสไตล์แต่ละสไตล์ในช่วงแรกเป็นชุดแม่ทั้งหมดเลย

เล่าชีวิตที่เรียบง่ายผ่านการแต่งตัว

มันคือการแต่งตัวทุกวันที่ไม่ซ้ำเดิม เปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอด ซึ่งตรงนี้เองอาจจะเร้าได้ถึงความรู้สึกภายในของเขาด้วยก็ได้ว่า

วันนี้ฉันแต่งตัวบ้าๆ ดี สนุกดี แต่ในมุมของสมองผมเชื่อว่าแม่จะได้เซนส์ต่างๆ ที่หลากหลายมาก สำหรับเสื้อผ้าที่เข้ามาอยู่บนตัวแม่

ส่วนใหญ่จะเป็นรูปที่อยู่ในซอยนะครับ เพราะผมก็ไม่มีเวลาที่จะพาแม่ไปเที่ยวที่ไหนมากมายครับ

แค่ใช้ซอยพญานาคครับในการที่จะเดินออกไปกินกาแฟ เดินออกไปกินข้าวตอนมื้อเช้า หรือมื้อเที่ยงผ่านการแต่งตัวครับ

ส่วนหนึ่งที่เพื่อนๆ หรือน้องๆ ชื่นชอบเพจ 70 ยังแต๋วกัน อาจจะเป็นความเรียบง่ายที่ซ่อนอยู่ก็ได้ครับ ผมไม่ได้ถ่ายรูปเพื่อต้องการวิวที่สวยงาม

หรือกระทั่งกิจกรรมที่ต้องใช้เงินมากมายอะไร มันเป็นการเล่าชีวิตที่เรียบง่าย และการแต่งตัวในซอยๆ หนึ่งครับ

ร้านกาแฟในซอย ผมกับแม่ได้ใช้งานหมดเลยนะครับ (ยิ้ม) น้องๆ ในร้านกาแฟก็เรียกว่าช่วยกันสวัสดี ทักทาย ถามเมนู คำว่า อเมริกาโน่เย็น แม่สั่งเองได้อย่างคล่องแคล่วเลยนะครับ

แม้จะเป็นคำที่เรียบง่ายสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นคำที่เอ่ยออกมาด้วย พลัง ที่เรียกว่าแม่ยังยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเองในความเป็นชีวิตมนุษย์ปกติครับ ที่ไม่ได้หลุดลอยไปไหน

เมื่อรู้ว่าแม่ป่วยเป็น ‘อัลไซเมอร์’

ช่วงแรก คือไม่รู้อะไรเลยนะครับ เหมือนว่าคนแก่คนหนึ่งที่บ้านรก กระทั่งหวงของ

มันเป็นสิ่งปกติทั่วไป แต่จริงๆ แล้วหมอจะบอกว่า เป็นอาการที่สะสมมาของการที่ไม่คิดจะทำอะไร และก็ปล่อยตัวเองในแต่ละวันไปเรื่อยๆ

 

ผมจำได้เลยว่า ตอนนั้นแม่มาอาบน้ำหน้าบ้าน ไม่อาบน้ำในห้องน้ำ เพราะในห้องน้ำเขาแขวนเสื้อผ้าที่เขาชอบครับ

ช่วงแรกเราแค่สังเกตเขา แต่พอเริ่มมีสิ่งที่เขาเคยทำได้แล้วทำไม่ได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ เราก็เริ่มเข้ามาใกล้เขามากขึ้น และก็สังเกตทุกสิ่งทุกอย่าง

กลายเป็นว่ามันเหมือนโดมิโนที่มันล้มไปแล้วครับ เราเห็นทุกสิ่งทุกอย่างมันล้มระเนระนาดไปหมด ปีแรกเรียกว่าอลหม่านเลยครับ

เราเคยเห็นแม่เป็นแฟชั่นนิสต้ามาตั้งแต่เด็กๆ ครับ แล้วการที่เขาจะเริ่มโทรม หรือกระทั่งหัวกระเซิง ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ไป ซึ่งทำให้แต่ละวันที่เราเจอเขาครับ เราเหมือนเจอแม่ที่ไม่ใช่แม่คนเดิม

ความทรงจำระหว่างกัน ไม่มีอีกต่อไปแล้ว

หมอจะบอกว่าโรคความจำเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ เป็นโรคที่จากเป็น

คือตัวเขายังอยู่แต่ความทรงจำระหว่างเรา มันไม่มี ไม่ใช่การจากตายที่ร่างกายหายไป แบบนี้คือเขายังอยู่แต่ความรู้สึกระหว่างกัน มันไม่มีแล้ว

ทุกวันนี้แม่ก็จำผมไม่ได้แล้วนะครับ ถึงให้ผมหายไปกี่วันก็ตาม เขาก็ไม่ถามถึงครับ

ผมก็รู้สึกว่ามันไม่ได้สำคัญแล้วครับ สิ่งที่สำคัญก็คืออยากให้เขาดูแลตัวเองได้ดี กิจกรรมพื้นฐาน อย่างการแปรงฟัน อาบน้ำ หรือเปิดทีวี เพิ่มเสียง ลดเสียงตรงนี้อยากให้เขาไปต่อเองได้ครับ

ในวันหนึ่งก็จะเริ่มตั้งแต่ตื่นนอนเลยครับ ผมเองต้องมีเสียงสองในการทักทายเขา

บางทีผมพูดกูด มอนิ่ง เขาต้องตอบกลับมาว่า กูด มอนิ่ง ซึ่งทุกวันนี้เขาทำได้ดีด้วยนะครับ เพราะการสื่อสารของเราในทุกๆ วันครับ

แค่ผมเห็นแม่ทาลิปสติกเอง ใจมันก็จะชื้นขึ้นมาว่า เขายังเป็นคนเดิมอยู่ครับ

เราจะเดินไปด้วยกัน

ผมมองว่าเป็นสีสันระหว่างเราสองคนเลยครับว่า ในช่วง 69 ปีที่ผมรู้สึกแย่ที่แม่จะมาป่วยไวใช่ไหมครับ มาถึงตอนนี้ผมเริ่มชิลล์ๆ แล้ว เพราะว่าวัย 75 ปีก็เชื่องช้าลงเยอะมากแล้ว

ความรู้สึกในวันนี้ มันคือความรู้สึกที่เรียกว่าเต็มอิ่มในแง่ที่ว่า เราอยู่ด้วยกันมาตลอดแล้วผมไม่ได้ปล่อยช่วงเวลาที่เขาเริ่มป่วยให้ห่างหายไป

มันเป็นช่วงเวลาที่เราสองคนก้าวไปด้วยกันจริงๆ ช่วงเวลานี้คือเวลาที่มีคุณค่ากับผมครับ

ในช่วงเวลา 5 ปี ตั้งแต่เปิดเพจ 70 ยังแต๋วมา ตัวเพจเองมันให้มากกว่า Styling หรือ Grooming ครับ แต่มันคือการที่เราไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าสถานการณ์ชีวิตอาจจะยากเย็นเพียงใดครับ

ถ้าเราหาเรื่องราวที่เป็นเรื่องที่เราชอบแล้วฝึกฝันมันในทุกวัน มันคือเรื่องที่เราสามารถสู้กับบางอย่างได้ครับ

จริงๆ ถ้าทุกอย่างมันย้อนกลับไปได้นะแล้วผมอยากจะแก้ไขอะไร ผมอยากให้แม่ในวัย 60 หลังเกษียณ ผมเองควรจะใกล้ชิดเขากว่านี้ครับ ไม่ควรจะห่างเหินมาก

เพราะฉะนั้น น้องๆ ที่มีคุณแม่ที่เข้าสู่วัย 60 หรือวัยเกษียณแล้วครับ ผมก็อยากให้มีกิจกรรมร่วมกันเสมอในแง่ของการพูดคุยกัน การใช้เวลาร่วมกันครับ

อย่าห่างเหินกันมาก เพราะว่าสมองหลัง 60 ปี ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งแล้ว ไม่ใช่ความแอคทีฟที่เราเคยมี ถ้าเรามีกิจกรรมร่วมกันเสมอ ความรู้สึกหรือตัวตนทั้งหมดทั้งมวล ผมว่ามันก็จะยังคงอยู่นะครับ (ยิ้ม)

FB : 70ยังแต๋ว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *