วันที่ พฤศจิกายน 2567 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม-4 พฤศจิกายน 2567 ในพื้นที่ 47 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์อุทัยธานี เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์
หนองคาย นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ปราจีนบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ปทุมธานี ระยอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ ตรัง สตูล และสงขลา รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 287 อำเภอ 1,320 ตำบล 7,035 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 268,261 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 57 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 28 คน
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วม 3 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และนครศรีธรรมราช โดย สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 12 อำเภอ 138 ตำบล 877 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 35,210 ครัวเรือน แยกเป็น
1. สุพรรณบุรี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามชุก อำเภอเมืองฯ อำเภอบางปลาม้า และ อำเภอสองพี่น้อง รวม 31 ตำบล 215 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,956 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
2. พระนครศรีอยุธยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางบาล อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางปะอิน อำเภอบางไทร อำเภอบางซ้าย และอำเภอมหาราช รวม 107 ตำบล 662 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 27,254 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง น้ำ
นอกจากนี้ จากฝนตกที่หนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2567 ทำให้มีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลแก้วแสน อำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช ประชาชนได้รับผลกระทบ 6 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำท่วมเพิ่มขึ้น ซึ่ง ปภ.ได้ประสานจังหวัดเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่แล้ว
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้ประสานจังหวัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน