สุดอาลัย อดีตนางเอกนักบู๊ ผลงานโด่งดัง เสียชีวิตแล้ว

สุดอาลัย อดีตนางเอกนักบู๊ ผลงานโด่งดัง เสียชีวิตแล้ว

วงการบันเทิงสูญเสีย สุดอาลัย นางเอกนักบู๊ผู้โด่งดัง เจิ้งเพ่ยเพ่ย เสียชีวิตแล้ว ในวัย 78 ปี พิธีกร เฉาเคอฟาน เผยเหตุ ไม่คิดว่าจะต้องพลัดพรากจากเราตลอดไป

เชื่อว่าหลายคนเห็นหน้าแล้วต้องจำได้ สำหรับนักแสดงดัง เจิ้งเพ่ยเพ่ย วันที่ 19 ก.ค.67 เพจ เก้ากระบี่เดียวดาย โพสต์อาลัย และตอนหนึ่งได้เผยประวัติเส้นทางการแสดง ผลงานอันโด่งดังราชินีนักบู๊

เจิ้งเพ่ยเพ่ย เกิดที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 6 มกราคม 1946 บิดาของเธอทำงานในหน่วยลาดตระเวนในเซี่ยงไฮ้ หลังจากสงครามต่อต้านญี่ปุ่นเขาได้เปิดโรงงานหมึกแห่งแรกของจีน เจิ้งเพ่ยเป็นลูกสาวคนโตในบรรดาพี่น้องสี่คน ในชั้นประถมเจิ้งเพ่ยเพ่ยเรียนที่ Shanghai World Elementary School ต่อมาเธอได้เรียนบัลเล่ต์ที่เซี่ยงไฮ้เป็นเวลา 6 ปีตั้งแต่สมัยมัธยมต้น

จะเห็นได้ว่า ดาราสาวนักบู๊ ส่วนใหญ่นั้นจะมีพื้นฐานจาก การเรียนเต้นรำ นอกจาก เจิ้งเพ่ยเพ่ย แล้ว ก็ยังมี มิเชล โหย่ว หลี่ไซ่ฟ่ง และ จางจื่ออี๋ แม้กระทั่ง บรู๊ซ ลี เอง ยังเคยเป็นครูสอนเต้น ชะชะช่า แสดงว่าการเต้นกับการแสดงฉากแอ็คชั่นในภาพยนตร์นั้นอาจจะมีพื้นฐานเดียวกัน

ในปี 1962 เจิ้งเพ่ยเพ่ย ย้ายมาที่ฮ่องกง และในปีถัดมาก็ได้เข้าเรียนโรงเรียนสอนการแสดงของ ชอว์ บราเดอร์ รุ่นเดียวกันกับ นักแสดงสาว เจียง ซิง และ ฟางอิง หลังจากเรียนจบเธอก็ได้เซ็นสัญญากับทางชอว์ บราเดอร์ทันที

โดยแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ ผาวิปโยค (1964)ที่เขียนและกำกับโดย Lei Pan ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเลือกให้เป็นผลงานยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมจากไต้หวันในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 37 แต่ไม่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง แต่ได้รับรางวัล “Most Promising Movie Star Golden Warrior Award” โดย American International Independent Producers Association แทน เจิ้งเพ่ยเพ่ย นับว่าเป็นนักแสดงหญิงชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ ทำให้ เจิ้งเพ่ยเพ่ย มีชื่อเสียงเป็นที่น่าจับตา ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่แสดง

อีกสองปีถัดมา เจิ้งเพ่ยเพ่ย ก็โด่งดังถึงขีดสุดจากภาพยนตร์ หงส์ทองคะนองศึก Come Drink with Me (1966) ของผู้กำกับคิงฮู ที่เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์บุกเบิก ภาพยนตร์กำลังภายในในฮ่องกงยุคนั้นเลยก็ว่าได้

เจิ้งเพ่ยเพ่ยยังคงแสดงภาพยนตร์กับชอว์บราเดอร์ อีกหลายเรื่องจนปี 1970 เจิ้งเพ่ยเพ่ย ได้ถอนตัวจากวงการภาพยนตร์และเดินทางไปแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาเพื่อแต่งงานกับหยวนตงมหาเศรษฐี ชาวไต้หวัน หลังจากแต่งงานเธอได้เข้ามหาวิทยาลัยในอเมริกาเพื่อการศึกษาขั้นสูงและเรียนศิลปะการเต้นรำ และมีลูกสี่คน เป็นหญิงสาม ชายหนึ่งคน

เจิ้งเพ่ยเพ่ย กลับมาแสดงภาพยนตร์ให้ชอว์ บราเดอร์ 2 เรื่อง และ แสดงกับ โกลด์เด้น ฮาร์เวสต์ 1 เรื่อง ก่อนที่จะหยุดรับงานแสดงในยุค 70

ในปี 1980 เจิ้งเพ่ยเพ่ยได้จัดตั้ง บริษัท ผลิตรายการโทรทัศน์ “Xingxiang Communication Co. , Ltd. ” ในลอสแองเจลิสสหรัฐอเมริกาเพื่อผลิตและจัดรายการสารคดีจีนอเมริกันเรื่อง “Follow the Past and Open the Future” ให้กับกลุ่มผลิตรายการโทรทัศน์สาธารณะของกองทุนกระจายเสียง

และในวันที่ 29 มีนาคม 1981 รายการนิตยสารข่าวของ บริษัท China Television Company “60 Minutes” ได้จัดตั้งทีมผู้ผลิตต่างประเทศแห่งแรกในลอสแองเจลิสรับผิดชอบการรายงานพิเศษเกี่ยวกับเหตุการณ์ข่าวของอเมริกาและเจิ้งเพ่ยเพ่ยป็นหนึ่งในสมาชิกทีมในช่วงเวลาที่ก่อตั้ง

ต่อมาในปี 1987 เจิ้งเพ่ยเพ่ยก็ได้หย่าร้างกับสามีหยวนตง หลังจากหายหน้าหายตาจากวงการภาพยนตร์ ในปี 1993 เจิ้งเพ่ยเพ่ยก็กลับมารับงานแสดงอีกครั้ง กับ โจวซิงฉือ ใน ถังไป่หู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ (Flirting Scholar/1993)

ในปี 1994 เจิ้งเพ่ยเพ่ย รับงานแสดงภาพยนตร์ฮ่องกงถึง 5 เรื่อง หนึ่งในนั้นเธอต้องแสดงกับราชินีนักบู๊ยุค 90 อย่าง มิเชล โหย่ว ในเรื่อง หย่งชุน หมัดสั้นสะท้านบู๊ลิ้ม(Wing Chun/1994) โดยเธอแสดงเป็น แม่ชีอู่เหม่ย ตัวละครร้ายฝ่ายหญิงที่น่ากลัวพอๆกับไป่เหม่ยในยุคชอว์ บราเดอร์

ชื่อเสียงของเจิ้งเพ่ยเพ่ย กลับมาโด่งดังอีกครั้งกับบทบาทจิ้งจองหยกใน Crouching Tiger, Hidden Dragon (臥虎藏龍/2000) ส่งผลให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเวที Hong Kong Film Award ครั้งที่ 20

หลังจากปี 2000 เจิ้งเพ่ยเพ่ยก็รับงานแสดงภาพยนตร์สลับกับละครโทรทัศน์ จนกระทั่งในปี 2018 เธอก็ได้รับรางวัล Huading Award Chinese TV Series Lifetime Achievement Award ครั้งที่ 24

เจิ้งเพ่ยเพ่ย นั้นนับว่าเป็นนักแสดงหญิงคนแรกที่เป็นภาพจำของจอมยุทธหญิง จนเธอเป็นสัญลักษณ์ ของหนังประเภทพลังหญิงนี้ แม้อายุมากขึ้น แต่เธอก็ยังไปปรากฏตัวในภาพยนตร์ที่จะมีนักแสดงนำหญิงเป็นตัวเดินเรื่องเสมอ อาทิ Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000) ผู้หญิงกล้าแกร่งเกินพิกัด (Naked Weapon/2002) Street Fighter: The Legend of Chun-Li (2009) และ มู่หลาน Mulan (2020)

ล่าสุดได้มีการแจ้งข่าวการเสียชีวิต ของเจิ้งเพ่ยเพ่ย ในวัย 78 ปี โดยพิธีกร เฉาเคอฟาน ได้เขียนในเว่ยป๋อว่า
“ทุกครั้งที่ผมพบกับพี่เพ่ยเพ่ย ผมรู้สึกประทับใจกับเสียงหัวเราะของเธอ แม้ว่าเราจะพูดถึงปีที่ยากลำบากในอดีต เธอไม่เคยบ่นหรือคร่ำครวญ เธอมักจะสื่อสารด้วยภาษาเซี่ยงไฮ้

เธอบอกว่าการพูดภาษาเซี่ยงไฮ้ทำให้เธอย้อนกลับไปในวัยเด็กของเธอ และชาวเซี่ยงไฮ้สมัยก่อนจะมีกิริยาที่นุ่มนวลและสง่างามท่าทีของเธอนั้นฟังดูเป็นมิตรมาก

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมได้ยินมาว่าพี่เพ่ยเพ่ยมีสุขภาพไม่ดี ไม่คิดว่าเธอจะต้องพลัดพรากจากเราตลอดไป บนสวรรค์จะไม่เจ็บปวด ผมขอให้เธอเดินทางด้วยดี!”

ขอบคุณเพจ เก้ากระบี่เดียวดาย และ เพจ เจิ้งเพ่ยเพ่ย,鄭佩佩 ,Cheng Peipei,Thailand fanpage , wikipedia

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *