เรียกได้ว่า เป็นอีหนึ่งดาราสาวที่สวยมาก อย่าง ปุยฝ้าย-ณัฎฐพัชร์ วิภัทรเดชตระกูล หรือปุยฝ้าย AF ที่มีผลงานมากมายในวงการบันเทิง วึ่งหลายๆคนทราบดีอยู่แล้วว่า ตอนนี้ทางปุยฝ้ายเอง ได้ทำแบรนด์น้ำพริกของตัวเองอยู่ และขายดีมากๆ ล่าสุดเธอได้ไปออกรายการ คุยแซ่บShow พร้อมเผยเรื่องราวชีวิตตัวเอง ขึ้นแท่นสายมู พยายามต้านตัวเองตลอด เปิดเรื่องลับชวนขนลุก มีซิกซ์เซ้นส์ตั้งแต่เด็ก ทักใครตรงเผง เห็นนิมิตล่วงหน้า ให้เลขตรงๆ 6 งวด
ตอนนี้มูอะไรบ้าง?
ปุยฝ้าย : จริงๆ ก่อนหน้ามู เราเน้นปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว ฝ้ายบวชตั้งแต่อายุ 21 ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือเป็นประจำ จะมีท้าวเวสสุวรรณ ช่วงหลังเริ่มมาทางฮินดู พระพิฆเนศ พ่อแก่ เรานับถืออยู่แล้ว เพราะเราอยู่นาฎศิลป์มาก่อน แต่เราไม่มีองค์บูชาท่านเลย เพราะเรารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงซกมก เป็นแนวขนาดตัวเองยังไม่ค่อยจะดูแล แล้วเราต้องคอยเปลี่ยนน้ำพระ ต้องคอยถวายโน่นนี่นั่น กลัวตัวเองทำได้ไม่ดี ก็เลยไม่มีค่ะ แล้วมีอยู่วันหนึ่งกำลังจะไปอัดรายการหนึ่ง เขาโทรหาน้องที่เป็นทีมงาน คุยกับหนูอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ หนูก็งงว่าเป็นอะไร เขาถามว่าพี่ฝ้ายบูชาพระแม่ลักษมีมั้ยคะ ก็บอกว่าเปล่าค่ะ แต่พี่สวดมาประมาณ 6 เดือน อยู่ดีๆ ก็เริ่มสวดพระแม่ลักษมี ทั้งที่ไม่เคยรู้จักท่านเลยนะคะ
อยู่ๆ มาสายมู เพราะเจอหลวงพี่อุเทน ย้อนไปกี่ปีที่รู้ว่ามาทางนี้?
ปุยฝ้าย : จริงๆ ที่เริ่มมู ก็ทำมาเรื่อยๆ เอาที่เราสบายใจ ไม่ได้เป็นคนที่มูทุกอย่าง มูทุกสิ่งนะคะเอาเฉพาะที่ตัวเองรู้สึกดี อย่างหลวงพี่อุเทน ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอท่านเลย แต่วันหนึ่งไปวัดท่าไม้ โดยไม่ได้คาดหวังว่าต้องไปเจอท่าน แล้วบังเอิญไปเจอ ท่านก็เลยทัก พูดขึ้นมาก่อนเลยว่าอย่าเลิกร้องเพลงนะเพราะครูบาอาจารย์สั่งไว้
แล้วที่มานี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พ่อสั่งให้มา เราก็พ่อไหน (หัวเราะ) แกก็ใช้ภาษาบ้านๆ ว่าพ่อมึงอยู่ใต้ต้นโพธิ์ เราก็อ๋อ ท้าวเวสสุวรรณ หนูก็เพิ่งไปกราบก่อนเจอพระอาจารย์ แล้วคอเราที่รักษาไว้ไม่จบ เพราะฝ้ายผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ผ่าไปแล้ว ในคอมีน็อต อยู่ดีๆ แกก็ทักมาว่า คอที่เจ็บมันไม่จบ เราก็บอกว่าแต่หนูผ่าแล้วนะคะ แกก็บอกว่าไม่จบ ซึ่งมันไม่จบจริงๆ อันนี้หนูงงมาก
หลังจากเจอพระอาจารย์ได้สองสัปดาห์ หนูรู้สึกว่าหนูชา มืออ่อนอีกแล้ว ก็ติดต่อโรงพยาบาลเพื่อตรวจอีกรอบหนึ่ง ก็มีการตรวจละเอียด สรุปมันเป็นอีกข้อหนึ่งจริงๆ เป็นข้อใหม่ ไม่ใช่ข้อที่เรารักษาไว้ เราก็งงมาก แกก็ทักมาอีกว่าตัวเรามีครูบาอาจารย์ มึงกับกูคนเดียวกัน เราก็แบบ คืออะไร (หัวเราะ) หนูปฏิบัติธรรม หนูมูก็จริง แต่เราอยู่แนววิทยาศาสตร์ ท่านก็บอกว่าวันที่ 14 ให้มาครอบครูที่วัด เดี๋ยวรู้เอง เราก็เฮ้ย ไปดีมั้ย กลัว แต่ก็ไป
เห็นมีการทำพิธีเยอะมาก หลายอย่าง เราก็เป็นผู้สังเกตการณ์ ไปดู ครอบพ่อแก่ปกติ เราเคยครอบมาแล้ว เพราะอยู่นาฏศิลป์ พอลงเศียรพระพิฆเนศปุ๊บ โอ้โห จากที่เรานั่งงงคนอื่น เรางงตัวเองเลย ห้าวินาทีแรกเรารู้สึกปกติค่ะ แต่สักพักหูมันดับ ไม่ได้ยินอะไรเลย จากที่เรานั่งอยู่เรารู้สึกว่าตัวเราหนักจนไม่สามารถทรงตัวได้ แล้วเราพยายามต้าน เพราะตอนนั้นเรายังมีสติ คิดว่าต้องตั้งตัวให้ตรง เพราะอายเขา เราก็รู้สึกจะล้มเหมือนมีของหนักๆ ทับตัวเรา เรารู้สึกต้าน ทางวัดก็บอกว่าอย่าเกร็งลูก อย่าเกร็ง เราก็ร้องห่มร้องไห้อยู่ในเศียร ตัวเหมือนหนาวสั่นข้างใน
เคยเป็นแบบนี้มาก่อนมั้ย?
ปุยฝ้าย : เคยครั้งหนึ่ง เป็นเศียรพ่อแก่ ตอนนั้นเป็นของดุริยางค์ทหารอากาศ ที่จัดที่วิภาวดี หนูไปกับเพื่อนๆ ตอนนั้นเข้าเอเอฟแล้ว เห็นการครอบครูมาเยอะมาก แต่เราไม่เคยเจออะไร ก็พูดกันบนรถว่าเวลาครอบครูแล้วครูลง เขาเป็นยังไงกันนะ เห็นสั่นกึกๆๆ เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก็ไปครอบครู วันนั้นพ่อครูก็บอกว่าครอบได้เศียรเดียวนะ เพราะเขาไม่ไหว เราก็บอกว่าเศียรเดียวก็ได้ ก็ครอบพ่อแก่ แล้วก็มีอาการตั้งแต่แรก ข้างในมันเหมือนหนาวมากๆ แล้วจะร้องไห้ ตอนนั้นมีนักข่าว เราก็พยายามบอกตัวเองว่าเราเป็นบ้าอะไรเนี่ย เราต้าน เพราะเราอายเขา
อดีตเป็นเด็กมีซิกซ์เซ้นส์มาตั้งแต่เด็ก?
ปุยฝ้าย : ตอนเด็กเราจะงงว่าคืออะไร เป็นฟีลเหมือนเรากำลังนั่งทำอะไรสักอย่าง แล้วมีจินตนาการเกิดขึ้น คนนี้เดินมาแล้วสะดุดล้ม เหมือนความฟุ้งซ่านของเราไปเอง แต่มันดันเป็น มันคิดเข้ามาเอง แต่เราก็คิดว่าไร้สาระ ไม่มีอะไรหรอก แต่เขาล้มจริงนี่หว่า แต่ตอนเด็กเราคิดว่าเป็นจิตนาการ ไม่คิดว่าเป็นอะไร
ตอนเด็กเป็นไม่บ่อย แต่มาเป็นตอนช่วง 3 ปีที่แล้ว ฝ้ายมองว่าเรื่องนี้มันไร้สาระกับฝ้ายมากเลยนะ แต่ความที่เราบวชยาวเลยนะ แต่ 3 ปีที่แล้วฝ้ายปฏิบัติเยอะมาก ฝ้ายไม่ได้เล่นละครเลย ทำแต่น้ำพริก ในช่วงทำน้ำพริก เราสวดมนต์ตลอดเวลา เพราะเรารู้สึกว่าดีกว่าปล่อยให้จิตไปฮัมเพลงหรือไปเกาะอยู่กับเรื่องไร้สาระ ก็ให้เกาะกับบทสวดมนต์ไป สวดตลอดที่ทำน้ำพริก ทำกรรมฐาน ทำแบบนี้ทุกวันๆ แล้วหนูรู้สึกว่ามันสบายใจ เราไม่ได้คิดอะไร แต่มีช่วงนึกแปลกๆ เหมือนป็อบอัพมันเกิดบ่อย แล้วได้ยิน
ช่างแต่งหน้าบอกว่าดูดวงแม่นมาก อย่าให้ทัก?
ปุยฝ้าย : จริงๆ ก็มีพระเกจิที่ท่านปฏิบัติธรรมมากๆ ท่านก็มีฌานแต่ละขั้น ท่านมีวิชา มีจิตที่ดี มีญาณที่ดีได้ในการทำนายทายทัก ฆราวาสก็เช่นกัน หากปฏิบัติถูกต้องแล้ว มันอาจมีจุดไปเชื่อมต่อได้เช่นกัน แต่ในเมื่อเราเกิดเป็นมนุษย์เราอย่าไปผูกติดกับเรื่องเช่นนี้เลย มันทำให้เราใช้ชีวิตลำบาก จะทำให้เราคิดว่าเราเป็นผู้วิเศษ แต่หนูใช้สติตลอด เวลาได้ยินอะไรก็อะไรวะ หลังๆ ก็เริ่มแบบ ไม่เอาอ่ะ มันวุ่นวาย
ถ้าเห็นภาพคนอื่นเคยไปเตือนเขามั้ย?
ปุยฝ้าย : กรณีคนอื่นก็สมมติแฟนเรา จะเห็นภาพเดิมซ้ำๆ สมมติพี่ตามโกหก เราก็จะเห็นสิ่งที่เป็นความจริงของเขา ที่เขาไม่ได้พูด จะเห็นซ้ำๆ จนต้องมานั่งคุยกันสิ ที่เธอตอบฉันแบบนี้ มันไม่ใช่ จริงๆ เป็นแบบนี้ใช่มั้ยๆ จนเขาบอกว่าใช่ ก็มีบ้างที่ไปแว๊บของคนอื่น
ข้อดีคือเจออะไรแบบนี้แล้วไม่หลง พยายามใช้สติตลอดว่าปัจจุบันคืออะไร?
ปุยฝ้าย : บางทีก็มีประโยชน์ค่ะ มีครั้งนึเราไปเที่ยวแล้วเห็นเด็กลื่นไถลลงไป เหมือนเป็นหิน เขามากับแม่เขาสองคน มันก็วึ๊บขึ้นมาความที่เรากังวล เราก็อยู่แถวๆ นั้นแหละ แล้วน้องมันไถลจริง คนจับเขาได้คือเรา มันก็จับทัน มันก็เป็นจังหวะที่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไปเจอพระอาจารย์ท่านนึง ท่านบอกให้เราใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ปกติไป ฉะนั้นที่เห็นหรือได้ยิน ปิดมันไปเถอะ